เมนู

เกิดแต่กายกับวาจา มิใช่จิต บางทีเกิดแต่กายกับจิต มิใช่วาจา บางทีเกิดแต่
กาย วาจา และจิต.
สมุฏฐานวาร ที่ 5 จบ

อธิกรณวารที่ 6


[783] ถามว่า อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วย
กายของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด จัดเป็นอธิกรณ์อะไร บรรดาอธิกรณ์ 4
ตอบว่า อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ของ
บุรุษบุคคลผู้กำหนัด จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์ บรรดาอธิกรณ์ 4 . . .
[784] ถามว่า อาบัติของภิกษุณีผู้ขอนมส้มมาฉัน จัดเป็นอธิกรณ์
อะไร บรรดาอธิกรฌ์ 4
ตอบว่า อาบัติของภิกษุณีผู้ขอนมส้มมาฉัน จัดเป็นอาปัตตาธิกรณ์
บรรดาอธิกรณ์ 4.
อธิกรณวาร ที่ 6 จบ

สมถวาร ที่ 7


[785] ถามว่า อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วย
กายของบุรุษบุคคลผู้กำหนัด ย่อมระงับด้วยสมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7
ตอบว่า อาบัติของภิกษุณีผู้กำหนัด ยินดีการเคล้าคลึงด้วยกาย ของ
บุรุษบุคคลผู้กำหนัด ย่อมระงับด้วยสมถะ 3 บรรดาสมถะ 7 คือ บางทีด้วย
สัมมุขาวินัย 1 ด้วยปฏิญญาตกรณะ 1 บางทีด้วยสัมมุขาวินัยกับติณวัตถารกะ 1.
[786] ถามว่า อาบัติของภิกษุณีผู้ขอนมส้มมาฉัน ย่อมระงับด้วย
สมถะเท่าไร บรรดาสมถะ 7